top of page
Web-Ducati-History-06-03-2023-900x400 (1).jpg

ย้อนรอย ประวัติศาสตร์ ความแรงของ DUCATI

Ducati Panigale V4

หากจะพูดถึงค่ายรถมอเตอร์ไซค์ที่เป็นตัวเต็งของวงการมอเตอร์สปอร์ตจากอิตาลีแล้ว ชื่อหนึ่งที่จะไม่พูดถึงไม่ได้คือ Ducati ด้วยดีไซน์ที่โดดเด่น มีเอกลักษณ์ไม่เหมือนใคร และเทคโนโลยีที่ขึ้นชื่อว่า “นำหน้าคู่แข่ง 1 ก้าวเสมอ” ในสกู๊ปนี้พวกเรา Realtime Car Magazine จะพามาย้อนรอยประวัติศาสตร์ความแรงของ เจ้าอสูรสีแดงแห่งเมืองพาสต้า กันครับ

จุดเริ่มต้นที่ไม่ใช่รถมอเตอร์ไซค์

 

       

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

บริษัท Ducati ก่อตั้งขึ้นเมื่อปี 1926 แต่ก่อนหน้านั้นต้องย้อนกลับไปถึงเรื่องราวของ ผู้ก่อตั้งคนแรกคือนาย อันโตนิโอ คาวาเลียริ ดูคาติ (Antonio Cavalieri Ducati) ที่มีชีวิตในช่วงปี 1855-1927 ในตอนแรกใช้ชื่อ บริษัทว่า Società Scientifica Radio Brevetti Ducati

บริษัทจดทะเบียนเพื่อทำการวิจัยและผลิตเทคโนโลยีเพื่อการสื่อสารทางวิทยุ ต่อมาลูกชายที่ชื่อ อาดริอาโน ดูคาติ (Adriano Ducati) ได้เข้ามาบุกเบิกทำให้การติดต่อทางวิทยุระหว่างประเทศอิตาลีกับอเมริกามีความเสถียรมากขึ้น และยังสามารถติดต่อข้ามทวีปทั้ง 5 ทวีปได้ ลูกชายของอันโตนิโอ ประสบความสำเร็จตั้งแต่ยังหนุ่ม แต่หลังจากเปิดบริษัทได้เพียงปีเดียว อันโตนิโอก็ได้เสียชีวิตลง ทำให้ลูกชายสามคนได้เข้ามาพัฒนาและขยายกิจการต่อ นับเป็นจุดเริ่มต้นของ Ducati คือ ปีค.ศ. 1926 เมื่อสามพี่น้อง (อาดริอาโน (Adriano),มาร์เชลโล (Marcello) และ บรูโน ดูคาติ (Bruno Ducati)) ชาวอิตาลีร่วมกันก่อตั้งเป็นบริษัท โดยเริ่มต้นจากธุรกิจอุตสาหกรรมผลิตส่วนประกอบวิทยุในเมือง Bologna เป็นโรงงานแห่งแรกของ Ducati สร้างขึ้นวันที่ 1 มิถุนายน ค.ศ. 1935 ถือว่าแนวทางของบริษัทนับว่าธุรกิจดำเนินไปได้เป็นอย่างดีมีคนงาน 3,500 คน มีการจัดระบบอย่างมีประสิทธิภาพ ก่อนจะได้รับผลกระทบของช่วงสงครามโลกครั้งที่ 2 ที่ Ducati ถูก บังคับให้ทำการผลิตเพื่อกองทัพแทนที่จะผลิตเพื่อพลเมือง เช่นเดียวกับบริษัทอื่น ๆ ในอิตาลี และหลังจากนั้นโรงงานก็ถูกยึดครองจากกองทัพเยอรมันแล้วถูกวางระเบิดในภายหลัง ณ วันที่ 12 ตุลาคม 1944

จากวิทยุ สู่รถมอเตอร์ไซค์

หลังสงครามโลกครั้งที่ 2 จบลงในปี 1945 มีบริษัทเล็กๆ ชื่อว่า “SIATA” (Societa Italiana per Applicazioni Tecniche Auto-Aviatorie) มีเจ้าของชื่อ นายอัลโด ฟาริเนลลิ (Aldo Farinelli) ได้พัฒนาระบบเครื่องยนต์ขนาดเล็ก เพื่อติดตั้งในรถจักรยาน หลังจากนั้นเพียงหนึ่งเดือนเค้าได้ประกาศขายเครื่องยนต์นี้ในปี 1944 ชาวอิตาเลียนเรียกเครื่องยนต์นี้ว่า “คุตโชะโล่ (cucciolo)” เครื่องยนต์นี้ได้รับความสนใจจากบรรดานักธุรกิจในทันที รวมไปถึง 3 พี่น้อง Ducati ด้วย ก่อนที่พวกเขาได้ตัดสินใจร่วมมือกับ SIATA พร้อมยังฟื้นฟูโรงงานขึ้นมาใหม่บางส่วนในท้ายปี 1945 และเปิดการผลิตในเดือนมีนาคม ปี 1946 ผลิตภัณฑ์แรกคือ Cucciolo เป็นเครื่องยนต์ลูกสูบเดี่ยวที่จะนำไปติดตั้งกับจักรยานปกติได้เลย ซึ่งเครื่องยนต์นี้เองที่นำมาพัฒนาเป็นรถมอเตอร์ไซค์แบบแรกของDucati และประสบความสำเร็จอย่างสูง สามารถจำหน่ายออกสู่ตลาดจำนวนกว่า 250,000 เครื่องทั่วโลก

 

ความเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่

ในปี 1948 ทางครอบครัว Ducati ได้ตัดสินใจขายบริษัทให้อยู่ในการถือครองของรัฐ และตัวของอาดริอาโน(Adriano) ได้ย้ายไปอยู่ที่ประเทศอเมริกา และได้คิดค้นและพัฒนาระบบเครื่องยนต์พลาสม่า ให้กับองค์การนาซ่า (NASA)

หลังจากนั้นตลาดรถมอเตอร์ไซค์เริ่มมีการขยายตัวมากขึ้นในปี 1952 ดูคาติตัดสินใจร่วมมือกับ Cruiser นำเทคโนโลยีของทั้งสองบริษัทมารวมกันผลิตรถมอเตอร์ไซค์ ที่ทำงานด้วยระบบไฟฟ้าแบบอัตโนมัติชื่อว่า Ducati 175 Cruiser โดยเปิดตัวที่มิลาน ในปีถัดมาก็ได้เปิดตัวอีกสองรุ่นคือ รุ่น 98 cc และ 125 cc  แต่ผลการตอบรับกลับไม่ดีอย่างที่ควรทำให้ 2 ปีต่อมา ต้องยกเลิกการผลิตในรุ่นนี้ไป

ต่อมาในปี 1954  เริ่มแรกเดิมที่ธุรกิจแรกของ Ducati คือการผลิตอุปกรณ์สื่อสารด้านวิทยุ จึงทำให้ ทาง Ducati ตัดสินใจแยกสายการผลิตออกเป็น 2 บริษัทอย่างชัดเจน ได้แก่ Ducati Mechanical เป็นผู้พัฒนาในเรื่องของระบบยานยนต์ และ Ducati  Electrical ซึ่งเป็นสายการผลิตเดิมของครอบครัวที่ทำมาตั้งแต่ต้น

Fabio Taglioni

ในปีเดียวกันทางบริษัท Ducati Mechanical ได้ร่วมงานกับวิศวกรที่ชื่อ ฟาบิโอ ทาลิโอนี (Fabio Taglioni) หรือ “Doctor T” ซึ่งเป็นอาจารย์สอนวิชาเทคนิคอยู่ที่อิโมล่า (Imola) และฟาบิโอเองมีการออกแบบมอเตอร์ไซค์สำหรับรถแข่งเอาไว้ก่อนแล้ว คือรุ่น Gran spot 100 ซีซี โดยใช้ชื่อ “Marianna” ดังนั้นเขาและดูคาติจึงร่วมมือกันพัฒนาและนำรถที่พัฒนาขึ้นทดลองลงแข่งใน “Milan-Taranto” และ “Tour of Italy” เป็นครั้งแรก และ Marianna กลายเป็นแชมป์อย่างต่อเนื่องของการแข่ง Gran Fondo ระหว่างปี 1955 และ 1957 ระหว่างนั้นในปี 1956 Ducati ได้ผลิตรถรุ่น 100 Sport ซึ่งเป็นครั้งแรกที่สามารถทำลายสถิติโลก 46 รายการภายในวันเดียว ช่วงนั้นถือได้ว่าได้รับความนิยมอย่างสูงในสมัยนั้น

 

กำเนิดเครื่องยนต์ Desmodromic

c8de5c864ce45da335708fab306eb169-300x219.jpg

ในปี 1956 Ducati ออกแบบเครื่องยนต์ Desmodromic เพื่อนำมาใช้กับรถรุ่น Ducati 125 Gran Prix  ลากรอบได้ถึง 12,500 รอบต่อนาที ซึ่งเป็นนวัตกรรมใหม่ที่นำมาแก้ไขปัญหาวาล์วลอยตัวที่รอบสูงๆ ในเครื่องยนต์ที่ใช้สำหรับการแข่งขันในขณะนั้น ระหว่างปี 1955-1956 ดูคาติได้นักแข่งชื่อ  “Gianni Degli Antoni” ซึ่งเป็นแชมป์หลายรายการมาเข้าร่วมทีม  และในปี 1956 บริษัทดูคาติ ได้เปิดตัวรถรุ่น Desmo 125 GP เป็นครั้งแรก

ในช่วงปี 1958 ทางดูคาติได้วางแผนจะผลิตมอเตอร์ไซค์รุ่น Elite 200 cc ออกมา ทางวิศวกร Fabio Taglioni ยังคงใช้ระบบ Desmodromic ที่ตัวเองพัฒนามาตั้งแต่แรก และพัฒนาต่อจากรุ่น Marianna แต่ขณะนั้นเกิดวิกฤตเศรษฐกิจในอิตาลีทำให้ยอดการขายมอเตอร์ไซค์ประสบปัญหาไปด้วย การวางขายจีงเลื่อนออกไปจนในที่สุด ปี 1965 ได้ออกขายมอเตอร์ไซค์รุ่นนี้เป็นครั้งแรก จากโครงการนี้เองทำให้ ในช่วงปี 60 บริษัท Ducati กลายเป็นบริษัทแรกในประวัติศาสตร์ที่สามารถพัฒนาและสร้างรถมอเตอร์ไซค์ขนาดกระบอกสูบ 250 cc ซึ่งนับว่าเร็วที่สุดในยุคนั้นออกมา และในปี 1960 นักแข่งรถชื่อดังชาวอังกฤษ Mike Hailwood ได้รับฉายาว่า “Superior” ซึ่งชนะการแข่งหลายรายการ และได้สั่งทำรถแข่งกับดูคาติในรุ่น 250 Twin-Cylinder Desmo

ในขณะเดียวกันตั้งแต่ปี 1960 ที่ประเทศอิตาลีประสบปัญหาทางเศรษฐกิจส่งผลทำให้ยอดขายมอเตอร์ไซค์ลดลงอย่างต่อเนื่อง ประกอบกับในขณะนั้นเริ่มมีการผลิตรถยนต์ออกขายเป็นครั้งแรกของบริษัท Fiat ชื่อว่า Fiat 500 ทำให้ความนิยมรถมอเตอร์ไซค์ลดลง ส่งผลให้บริษัทผลิตมอเตอร์ไซค์สำหรับแข่งขันต้องปิดกิจการลงรวมทั้ง Gilera, Moto Guzzi และ Mondial  ดังนั้นบริษัท Ducati จึงต้องปรับกลยุทธ์หันไปเน้นตลาดต่างประเทศแทน ต่อมาในปี 1963 ก็พัฒนารถออกมาชื่อ Ducati Apollo 1260 ซึ่งเน้นตลาดผู้ใช้ชาวอเมริกันเป็นหลัก

 

ก้าวสู่ยุคเครื่องยนต์ L-Twin

ทาง Ducati ก็ยังผลิตรถออกมาอยู่เรื่อย ๆ จนกระทั้งในปี 1967-1978 บริษัท Ducati ได้เปลี่ยนผู้บริหารเป็นกลุ่ม EFIM (Ente Partecipazioni e Finanziamento Industrie Manifatturiere หรือ กลุ่มเงินทุนเพื่ออุตสาหกรรมการผลิต) ซึ่งจะควบคุมการดำเนินการผลิตแบบวันต่อวัน โดยที่ในปี 1967 – 1973 ผู้บริหารในช่วงปีนั้นคือ จูเซปเป้ มอนทาโน และ ในปี 1973-1978 บริหารโดย คริสเตียโน ดา เอ็คเคอร์

 ในช่วงปี 70 บริษัทก็เริ่มสายการผลิตรถเครื่อง L-Twin เช่น รุ่น 90 L-twin ส่วนของตัวรถจะทำเป็นรูปตัว  L ระบบ twin-cylinder engine (L-Twin) ออกแบบโดย Fabio Taglioni เจ้าเดิม ฤดูในไม้ร่วงในปี 1970 Ducati ได้เปิดตัว Ducati  750 GT ซึ่งได้ทำการพัฒนามาจากระบบ L-twin โดยพัฒนาเครื่องยนต์เป็นระบบ 90 L-twin เพื่อใช้ในชีวิตประจำวัน ในปี 1972 ดูคาติได้ผลิตรถแข่งรุ่น Ducati 750 Imola Desmo เป็นอีกรุ่นที่มีชื่อเสียงไปทั่วโลก เพราะนักแข่งรถที่รู้จักกันดีคือ Paul Smart และ Bruno Spaggiari ได้ใช้รถรุ่นนี้ชนะการแข่งขัน “200 Mile race” ที่เมือง Imola ในปี 1972 ส่งผลให้รถรุ่นนี้เป็นที่จดจำในประวัติศาสตร์ และในเดือนพฤศจิกายน 1973  ก็ได้เปิดตัว L-twin ที่มาพร้อมวาล์ว Desmodromic เป็นรายแรก Ducati  750 SS Desmo  ที่เมืองมิลาน ในงาน Milan Motorcycle Show ซึ่งพัฒนาจาก Ducati 750 Imola Desmo ที่ประสบความสำเร็จในสนามแข่ง แต่มียอดการผลิตเพียง 401 คันเท่านั้น

 ต่อมาในปี 1993 การออกแบบของ Miguel Angel Galluzzi , ได้ถือกำเนิดเจ้าสัตว์ประหลาดสีแดงขึ้นมาอย่าง Monster  ในขณะนั้นกระแสความนิยมยังคงอยู่ที่ รถสปอร์ตสไตล์รถแข่งในสนามแต่สำหรับ Monster ทีมออกแบบ ได้คิดนอกกรอบสวนทางกับความนิยมในช่วงนั้น เน้นการออกแบบที่ดูไม่ซับซ้อน ใช้งานง่าย ขับขี่ง่าย ไม่จำเป็นต้องใช้ทักษะสูงมากนัก ถึงแม้ว่าดีไซน์ของ Monster จะดูเรียบง่ายแต่ก็แฝงด้วยเทคโนโลยีระดับสูง โดยเฉพาะการใช้สเปซเฟรม (Space Frame) บวกกับเครื่องยนต์ L-Twin อันเป็นเอกลักษณ์ของ Ducati ทำให้ Monster กลายเป็นเทรนด์ใหม่ของรถบิ๊กไบค์ในปัจจุบัน

Ducati ในประเทศไทย

สำหรับ Ducati ในประเทศไทยนั้นได้เริ่มมีบทบาทในช่วงปี 2003 – 2005 บริษัท ดูคาติ ประเทศไทย จำกัด (Ducati Thailand) ได้รับการแต่งตั้งเป็นตัวแทนจำหน่ายอย่างเป็นทางการ และนำรถรุ่น Multistrada 1000 DS เข้ามาจำหน่ายเป็นรุ่นแรกที่โชว์รูมบนถนนรามคำแหง และได้รับการสนับสนุนจาก Ducati Motor Holding spa ทำให้สามารถจำหน่ายในราคาที่น่าสนใจจนเติบโตในตลาดเรื่อยมา และสร้างยอดขายเพิ่มจาก 12 คันในปีแรกเป็น 30 คันในปี 2005 พร้อมกับย้ายโชว์รูมมาที่ซอยทองหล่อในปี 2006

บนเวทีการแข่งขันรถมอเตอร์ไซค์ชิงแชมป์โลก ไม่ว่าจะเป็นรถโปรดักส์ชั่น หรือรถต้นแบบ Ducati ก็เข้าร่วมการแข่งขันด้วยแทบทุกรายการ เริ่มต้นที่รายการ WorldSBK ตั้งแต่การเข้าร่วมแข่งขันมา รถ Ducati สามารถคว้าแชมป์โลกไปทั้งสิ้น 18 ครั้ง โดยครั้งล่าสุดเกิดขึ้นในปี 2022 สำหรับในรายการ MotoGP ด้าน Ducati เคยคว้าแชมป์โลกมา 2 ครั้งนั่นก็คือในปี 2007 โดย นักแข่งชาวออสเตรเลีย เคซี่ สโตนเนอร์ และในปี 2018 โดยนักแข่งชาวอิตาลีชื่อ แอนเดรีย ดอวิโยโซ่

 

กระแสรถพลังงานไฟฟ้า

 แน่นอนว่าปัจจุบันรถมอเตอร์ไซค์ไฟฟ้ากำลังเป็นที่จับตามองของเหล่าบริษัทผู้ผลิตรถมอเตอร์ไซค์ทั่วโลก หนึ่งในนั้นก็คือ Ducati พวกเขาไม่ได้นิ่งนอนใจการพัฒนารถมอเตอร์ไซค์ไฟฟ้า โดยอยู่ภายใต้โครงการ Ducati Zero ซึ่งทาง Ducati มีการประกาศว่าจะเปิดตัวและผลิตจริงในปี 2025 ซึ่งก็ต้องรอติดตามกันต่อไปครับ

และนี่ก็คือเรื่องราวการเดินทางเป็นเวลาเกือบ 100 ปี จากอุปกรณ์วิทยุสื่อสาร กลายมาเป็นรถมอเตอร์ไซค์สมรรถนะสูง ที่เป็นที่น่าจดจำอันดับต้นๆ ในวงการมอเตอร์สปอร์ตนั่นเองครับ

bottom of page